บทความ

9 ข้อที่คนไม่รู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ถือเป็นศาสตร์ด้านความงามที่เป็นที่นิยมมานานหลายปีในแง่ของการชะลอวัย ช่วยให้หน้าดูเด็กและอ่อนเยาว์ โดยทำให้บุคคลที่รักษาด้วยฟิลเลอร์แลดูเด็กลงไปได้ 5-10 ปี โดยที่ไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมกันเลย

ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ค่อนข้างเยอะอยู่มาก หมอจึงรวบรวมข้อมูลที่ยอดนิยมทั้งจากต่างประเทศและข้อมูลจากคนไข้ของหมอเอง เพื่อสรุปรวมเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ให้อย่างถูกต้องมากขึ้นดังต่อไปนี้

  1. ฟิลเลอร์ไม่ได้อยู่คงทนถาวรตลอดไป

    ข้อนี้ก็จะถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนที่กลัวอะไรที่อยู่ถาวรเวลาที่เราฉีดเข้าไปในหน้าแต่สำหรับคนที่ชอบความถาวร ไม่ต้องการเจ็บตัวหรือเสียเงินบ่อยๆก็ต้องบอกว่าจะต้องผิดหวังกับคุณสมบัติข้อนี้ของฟิลเลอร์ไม่มากก็น้อย

    เพราะระยะเวลาของความคงอยู่ของฟิลเลอร์นั้น หลักๆเลยก็ขึ้นกับตัวของผลิตภัณฑ์ของฟิลเลอร์เอง จากกระบวนการผลิตว่าผลิตเพื่อให้มีความคงอยู่ยาวนานของโมเลกุลในแต่ละชนิดเท่าไหรหลังจากการเข้าสู่ ร่างกาย เช่น แบรนด์ฟิลเลอร์ของจูวีเดิม(juvederm) หรือเรสทิเรน(restylane) ก็มีความคงอยู่หลังจากที่เข้าสู่ร่างกายไม่เท่ากัน หรือแม้แต่ในแบรนด์เดียวกัน ขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกันจากกระบวนการผลิต ก็ทำให้ระยะเวลาในการคงอยู่หลังฉีดไม่เท่ากัน

    นอกจากนี้ก็ยังขึ้นกับตำแหน่งการฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้า โดยแต่ละตำแหน่งบนหน้านั้น จะส่งผลต่อการสลายของฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน แม้จะเป็นฟิลเลอร์อันเดียวกัน ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ขึ้นกับปัจจัยในแต่ละบุคคล หรือไลฟ์สไตลการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล โดยในบุคคลที่มีพฤติกรรมการทำลายคอลลาเจนที่มากกว่าปกติ เช่น สูบบุหรี่ นอนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ก็มีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะสลายได้เร็วกว่า เนื่องจากฟิลเลอร์ก็เปรียบเสมือนคอลลาเจนปกติที่อยู่ในร่างกายของเรานั่นเอง



    และโดยทั่วไปมักเข้าใจกันว่า ถ้าได้ฉีดฟิลเลอร์แล้ว ก็ต้องฉีดไปตลอดชีวิต ทำให้เกิดความกังวลในการที่ต้องฉีดต่อเนื่อง หรือคิดว่าถ้าหยุดฉีดอาจเกิดผลกระทบได้ในอนาคต ซึ่งจริงๆแล้วเราสามารถทำต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ หรือจะฉีดแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ เช่น มีงานสำคัญๆในชีวิต เช่น งานแต่งงาน โดยที่ถ้าไม่ทำต่อเนื่อง ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผลกระทบอะไรตามมา ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่ฟิลเลอร์สลายตัวไปหมด ก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่ฉีดฟิลเลอร์

  2. ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า

    ฟิลเลอร์สามารถฉีดเติมในแต่ละบริเวณต่างๆของใบหน้าได้ เช่น เติมเต็มบริเวณหน้าผาก ขมับ เปลือกตาบนที่เป็นร่องลึก เบ้าตาลึก หน้าแก้มแบน แก้มตอบ ร่องแก้ม จมูก คาง เป็นต้น ซึ่งในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มบริเวณหน้านั้น ก็จะใช้โมเลกุลที่แตกต่างไปเพื่อให้แก้ปัญหาได้จริงและเกิดความสวยงามกับแต่ละตำแหน่งของบริเวณหน้า และเหมาะสมกับโครงสร้างหน้าของแต่ละบุคคล หรือจะฉีดฟิลเลอร์เพื่อต้องการแก้ปัญหาในด้านอื่นๆ เช่น ฉีดเพื่อยกกระชับหน้า ฉีดเพื่อแก้ไขริ้วรอยลึก ฉีดเพื่อแก้ไขถุงใต้ตา เป็นต้น

  3. โบท็อกซ์และฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    ประเด็นนี้เป็นอีกประเด็นที่มีความเข้าใจผิดกันมาก โดยถ้าทราบกลไกการทำงานของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ว่าแตกต่างกัน ก็จะเข้าใจว่าจะมีการทำงานที่แตกต่างกันมาก โดยยังมีคนไข้บางตนที่สับสนอยู่ เช่น มีคนไข้ที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึก ซึ่งปัญหาในข้อนี้การแก้ไขต้องเป็นในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์ช่วยเท่านั้น เป็นต้น

    โดยโบท็อกซ์จะทำงานโดยตรงเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้น โบท็อกซ์ก็จะเน้นการทำงานไปในแง่ของการลดริ้วรอย หรือลดขนาดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ จึงนำมาใช้ประโยชน์ในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ หรือฉีดลดหน่องโต นอกจากการนี้โบท็อกก็ยังใช้ในการฉีดเพื่อลดเหงื่อได้ หรือฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อเพื่อยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย ในขณะที่ฟิลเลอร์ จะเป็นการฉีดเพื่อเติมเต็ม รวมถึงแก้ไขโครงสร้างหน้าเป็นส่วนใหญ่



  4. ฟิลเลอร์สามารถไม่สามารถแก้ไขริ้วรอยที่ลึกมากให้หายไปได้100%

    จริงอยู่ที่เมื่อเกิดริ้วรอยลึกมากๆขึ้นมา การแก้ไขโดยการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะไม่สามารถแก้ไขได้ 100% เนื่องจากริ้วรอยที่เป็นรอยลึกมาก เกิดจากการหายไปของคอลลาเจนที่ผิวร่วมด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแก้ไขร่องลึกนั้นด้วยการเติมฟิลเลอร์ แต่ริ้วรอยที่ลึกมาก การรักษาด้วยฟิลเลอร์ก็คงไม่ช่วยให้ริ้วรอยนั้นหายไปได้อย่าง 100% แต่ก็สามารถทำให้ดีขึ้นมาได้ระดับนึง โดยการแก้ไขก็อาจต้องทำร่วมกับหลายวิธีเพื่อแก้ไขริ้วรอยที่ลึกมากนั้นให้หายไปได้ทั้งหมด



  5. ฟิลเลอร์สามารฉีดสลายได้ในทันที

    เนื่องจากฟิลเลอร์คือ ไฮยา หรือ hyaluronic acid ซึ่งในกรณีที่รักษาด้วยฟิลเลอร์ แล้วมีเหตุอันจำเป็นที่ต้องการกำจัดฟิลเลอร์ออก สาเหตุอาจเนื่องจาก ฉีดแล้วไม่ชอบ หรือเปลี่ยนใจกระทันหันจากสาเหตุใดก็ตาม รวมถึงมีข้อผิดผลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ ก็สามารถฉีดสลายได้ทันที โดยใช้ไฮยาลูโลนิเดส(hyalulonidase) ในการสลายไฮยาลูโลนิค แอซิค ได้ทันที และควรทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

  6. ตำแหน่งและผลจากการฉีดฟิลเลอร์จะแตกต่างไปตามอายุและแพทย์ผู้ฉีด

    การฉีดฟิลเลอร์นั้น จะมีความเป็นปัจเจคบุคคลมาก ซึ่งในแต่ละคนจะมีนิยามความสวยหรือความต้องการแก้ปัญหาหน้าที่ไม่เหมือนกันทั้ง 100% แน่นอน โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะเป็นคนพิจารณาร่วมกับความต้องการ หรือผลลัพธ์ที่แต่ละบุคคลต้องการ ซึ่งก็จะอยู่บนพื้นฐานของโครงสร้างหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคล

    โดยความเข้าใจที่ผิดมหันต์เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ คือ ทุกคนคิดว่าแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ไม่ต่างกัน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์เปรียบเสมือนเป็นงานศิลปะ ซึ่งแพทย์แต่ละท่านที่ฉีดฟิลเลอร์ก็จะมีการออกแบบ ปรับตกแต่งใบหน้าเพื่อปรับรูปหน้าหรือการแก้ปัญหาแตกต่างกันออกไป ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนกันในการทำหัตการของแพทย์แต่ละท่านอย่างแน่นอน

    นอกจากนั้นใบหน้าของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต เช่น ตอนยังเด็ก อาจจำเป็นต้องฉีดเสริมบริเวณโหนกแก้ม หน้าแก้ม ริมฝีปากเล็กน้อย เพื่อปรับให้รูปหน้าดูสวยมีมิติ และดึงดูดมากขึ้น แต่เมื่ออายุมากขึ้น อาจต้องแก้ปัญหาเน้นในด้านยกกระชับ ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรเนื้อบริเวณหน้าที่ตอบไปตามอายุที่มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่า เราไม่ต้องการฟิลเลอร์ที่คงอยู่ถาวรตลอดไปหรอก เพราะสิ่งที่สวยงามตอนอายุ 30 อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องการเมื่ออายุ 60 ก็เป็นได้

  7. การฉีดฟิลเลอร์มีอันตราย

    ปัญหาเล็กน้อยที่พบเจอได้บ่อยที่สุดจากการฉีดฟิลเลอร์ ก็เช่น เขียวช้ำ หรือบวม แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในเส้นเลือด แล้วทำให้เกิด อาการตาบอด เนื้อตายเกิดขึ้น ถ้าแก้ไขไม่ทัน แม้กระทั่งการฉีดเติมเต็มชนิดอื่น เช่น ฉีดไขมันจากตัวเราเอง ก็มีอันตรายแบบนี้เช่นกัน

    ดังนั้นในข้อนี้จึงต้องการเน้นย้ำว่า นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น

  8. โอกาสในการแพ้ฟิลเลอร์มีน้อยมาก

    ฟิลเลอร์เป็นสารประเภทไฮยาลูโลนิค แอซิค(hyaluronic acid) และมีความบริสุทธิ์สูงมาก โดยสารไฮยาลูโลนิค แอซิค(hyaluronic acid) เป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายเรา อาทิเช่น บริเวณผิวหนังและตามข้อต่างๆ เพราะฉะนั้นร่างกายก็จะจำสารประเภทนี้ไปแล้วว่าเป็นสารประเภทเดียวกันกับร่างกาย เมื่อฟิลเลอร์เข้าสู่ร่างกาย จึงมีโอกาสที่จะแพ้น้อยมาก รวมถึงไม่ก่อให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนังอีกด้วย

    เพราะฉะนั้นโอกาสในการเกิดปฎิกริยา หรือเกิดอาการแพ้ต่อร่างกายจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

  9. ฉีดฟิลเลอร์จนแน่นที่สุดไม่ใช่ว่าดีที่สุด

    ในปัจจุบันจะเห็นว่า มีบุคคลที่ปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ มีรูปหน้าที่แปลก บวมใหญ่มากไป หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ อย่างที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นแล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์ต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะนอกจากการออกแบบรูปหน้าจะเป็นงานศิลปะแล้ว แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะรู้สัดส่วนของใบหน้าที่สากลยอมรับว่า สวยและทำให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้หมายถึง ต้องหน้าผากนูนที่สุด คางยาวแหลมที่สุด แก้มเต็มที่สุดแล้วจะถือว่าสวยที่สุด

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก Victoria Moorhouse
พญ. วริยา เหล่าถาวร (หมอแอน)
แพทย์เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม

ติดต่อสอบถาม 06-4946-2397