ฝ้าคืออะไร เป็นฝ้าแล้วรักษาหายมั้ย รักษาฝ้าให้ถูกวิธีทำได้อย่างไร ไม่อยากให้ฝ้าดำขึ้น ที่นี่มีคำตอบ
#การรักษาฝ้า #ครีมรักษาฝ้า #สาเหตุของฝ้า #ชนิดของฝ้า
ฝ้า(melasma) เป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้ค่อนข้างเยอะ พบได้ทุกชนชาติ ทุกเพศ โดยพบมากในเพศหญิงที่มีสีผิวค่อนข้างคล้ำ ได้มากกว่าเพศชายโดยลักษณะฝ้าจะเป็นสีน้ำตาล เทา จนถึงดำ ขึ้นกับตำแหน่งของฝ้า โดยลักษณะรอยโรคฝ้า จะเป็นแผ่นสีดำสองข้างบริเวณใบหน้าสมมาตรกัน มักเป็นมากบริเวณที่ถูกแสงแดดได้ง่าย เช่นบริเวณโหนกแก้ม แก้ม หน้าผาก จมูก
ฝ้าเป็นโรคที่ค่อนข้างรักษายาก เนื่องจากสาเหตุการเกิดค่อนข้างซับซ้อน รวมยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงอย่างแน่ชัด และโดยส่วนมากมักมีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำได้เรื่อยๆ โดยฝ้าก็ถือว่ามีผลกระทบต่อชีวิตในแง่ของความสวยงามและส่งผลต่อการดำรงชีวิตในแง่ของความสวยงาม
ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร
แม้ว่าสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดฝ้าได้แก่ เชื้อชาติ โดยพบชาวเอเชียเป็นมากกว่าชาวยุโรป พันธ์ุกรรม แสงแดด ยาบางชนิด ส่วนผสมบางชนิดในเครื่องสำอาง ไทรอยท์ฮอร์โมน และฮอร์โมน
ประเภทของฝ้า ฝ้ามีกี่ชนิด
การแบ่งประเภทของฝ้านั้น โดยแบ่งตามตำแหน่งระดับความลึกของฝ้า ซึ่งแบ่งได้เป็น
* ฝ้าตื้น ฝ้าที่ขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นบน รักษาง่ายกว่าฝ้าลึก
* ฝ้าลึก ฝ้าที่ขึ้นบริเวณผิวหนังชั้นล่าง
* ฝ้าผสม มีทั้งฝ้าชนิดตื้นและลึก
โดยจากการศึกษาพบว่าส่วนมาก จะเป็นฝ้าชนิดผสม นอกจากนี้เราอาจพบเจอการแบ่งประเภทของฝ้าอื่นๆ เช่น ฝ้าเส้นเลือด โดยจะพบว่าบริเวณที่เป็นฝ้า จะมีเส้นเลือดฝอยอยู่เป็นปริมาณมาก หรือฝ้าที่เกิดในหญิงตั้งครรภ์ อาจเกิดฝ้าในขณะที่ตั้งครรภ์ หรือ หลังคลอด
การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี
เนื่องจากพยาธิการเกิดฝ้าค่อนข้างซับซ้อน และพบการเกิดเป็นซ้ำได้เรื่อยๆ ทำให้การรักษาฝ้านั้นค่อนข้างยากต่อการรักษา ใช้เวลานานจึงถือได้ว่าฝ้ายังเป็นปัญหาที่รักษาไม่หายขาด และยังไม่มีการรักษาใดเป็นการรักษาที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นการรักษาฝ้า ควรเป็นการรักษาด้วยหลายๆวิธีร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ได้ดีที่สุด รวมถึงเกิดผลข้างเคียงได้น้อยลงไปด้วย
ยาในกลุ่มทา
โดยการรักษาตามแบบแผนปัจจุบันที่ได้มาตรฐานนั้น ประกอบไปด้วย ยาทา ได้แก่ ยาในกลุ่ม whitening agents ทั่วไป โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี หรือยาทาที่เป็นส่วนผสมกันหลายตัวยา ซึ่งมีหลากหลายสูตร
ยาในกลุ่มผลัดเซลล์ผิว
นอกจากในกลุ่มของยาทาแล้ว การรักษาฝ้าในปัจจุบัน ก็พบการศึกษาว่า ในกลุ่มของสารผลัดเซลล์ผิว ประเภทกรดผลไม้ต่างๆ
ยาในกลุ่มรับประทาน
จากงานวิจัยพบว่ายาในกลุ่มรับประทานสามารถช่วยลดฝ้าได้ โดยการรับประทานยา และระยะเวลาในการรักษาควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์
ยาในกลุ่มฉีด
มีการวิจัยที่พบว่ายาในกลุ่มฉีดบริเวณรอยดำที่ฝ้า สามารถลดเม็ดสีบริเวณฝ้าได้
เลเซอร์ และแสง รักษาฝ้า
การใช้เลเซอร์ และแสงในการรักษาฝ้า รวมถึง IPL จากการศึกษาพบว่ามีอัตราการเกิดเป็นซ้ำสูง รวมถึงอาจพบอาการข้างเคียงโดยทำให้ฝ้าดำมากขึ้นได้ โดยส่วนมากจึงไม่แนะนำให้ใช้เป็นการรักษาเบื้องต้น หรือใช้เป็นการรักษาเดี่ยวๆ ยิ่งไปกว่านั้น การรักษาด้วยเลเซอร์ที่ใช้พลังงานที่สูง เลเซอร์สามารถทำลายเนื้อเยื่อเบสเมนท์เมมแบรน และทำให้เม็ดสีเข้าไปฝั่งอยู่ในชั้นผิวหนังแท้ซึ่งอาจทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่มีอาการแย่ลง หรือเพิ่มอัตราการเกิดซ้ำได้
การป้องกันฝ้า
อย่างไรก็ตามนอกจากการรักษาแล้ว การป้องกันการเกิดฝ้าทั้งฝ้าเก่าและฝ้าใหม่ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากมาก การป้องกันแสงแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยโรคใหม่ หรือไม่ทำให้รอยโรคฝ้าเดิมแย่ลง โดยแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่เป็น broad spectrum คือป้องกันได้ทั้ง UVA UVB และควรมีค่า spf อย่างน้อยตั้งแต่ 30 ขึ้นไป นอกจากนี้ควรหาสิ่งปกคลุมร่างกาย เช่น ร่ม หมวก แว่นตาดำ หรือ เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงที่มีค่ายูวีสูงในช่วง 10.00-14.00 น
สุดท้ายหมอต้องสรุปให้ทำความเข้าใจตรงกันว่าฝ้าเป็นโรคที่ยากต่อการรักษา เนื่องจากรอยโรคมักเกิดการเป็นซ้ำได้เรื่อยๆ และใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน โดยในปัจจุบันยังไม่พบวิธีการรักษาฝ้าที่ดีที่สุดได้ ดังนั้นการรักษาที่ดีอาจต้องใช้การรักษาหลายๆวิธีร่วมกัน เพื่อให้ได้รับผลการรักษาที่ดีที่สุด และลดการเกิดซ้ำ และผลข้างเคียงจากการรักษาให้ได้มากที่สุด
ดั้งนั้นการรักษาจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้ชี่ยวชาญ เพื่อร่วมปรึกษาการรักษาไปกับคนไข้ฝ้า เพื่อที่จะได้รับการรักษาฝ้าที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป และเกิดผลข้างเคียงได้น้อยที่สุดโดยคนไข้ไม่ควรวินิจฉัย ชื้อยารักษาเอง เพราะอาจทำให้ฝ้าดำมากขึ้น หรือกลายเป็นฝ้าดำถาวรเลยก็เป็นได้
พญ. วริยา เหล่าถาวร (หมอแอน)
ติดต่อสอบถาม 06-4946-2397