ในปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าทุกคนให้ความสนใจในแง่ของการชะลอวัย เพิ่มความอ่อนเยาว์ใบหน้า และต้องการลดเลือนริ้วรอย เพื่อความสวยงามและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเจอกันทุกคนเมื่อมีอายุที่มากขึ้น
โบท็อกซ์เองเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งด้านชะลอวัย ลดริ้วรอย ที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์ สามารถเห็นผลลัพท์ได้ชัดเจน อีกทั้งใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานว่าปลอดภัยในการใช้รักษา ซึ่งน่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ค่อยรู้จักกับท็อกซินตัวนี้เป็นอย่างดี รวมถึงของบ่งชี้และข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์
หมอจึงรวบรวมเนื้อหาที่น่าจะสำคัญเกี่ยวกับโบท็อกที่จำเป็นต้องรู้มาไว้ในบทความนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษากันอย่างละเอียด
ประวัติและชนิดของโบท็อกซ์
โบทูลินัมท็อกซิน หรือชื่อเรียกการค้าที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า โบท็อกซ์ (Botox) โดยปัจจุบันถูกนำมาใช้ในด้านความงามกันอย่างแพร่หลาย โบท็อกซ์จัดอยู่ในกลุ่มของสารที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ที่สกัดมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกโดย ศาตราจารย์ Emile van Ermengem ประเทศเบลเยี่ยม ในปี 1897
โบทูลินัมท็อกซิน มีทั้งหมด 7 ชนิด คือ A, B, C, D, E, F และ G โดยแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไปตามกลไกของการสลายโปรตีน ซึ่งมีแค่ 5 ชนิดเท่านั้น ที่ออกฤทธิ์ได้กับมนุษย์
โดยงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโบทูลินัมท็อกซินที่นำมาใช้ในด้านความงาม ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2535 โดยดอกเตอร์ Jean Carruthers และ ดอกเตอร์ J, Alastair Carruthers ซึ่งเกิดจากการนำท็อกซินมารักษาโรคตากระตุก กล้ามเนื้กระตุก และพบว่าท็อกซินนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ รอยย่นจากการขมวดคิ้วหายไป
โบท็อกซ์ กับประโยชน์ทางการแพทย์
โบท็อกซ์สามารถนำมาใช้รักษาโรคทางการแพทย์ได้อย่างหลากหลาย อาทิ เช่น
กลไลการทำงานของโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ เป็นสารประเภทโปรตีน โดยกลไกการออกฤทธิ์จะไปยับยั้งการหลั่งของสารสื่อสัญญาณประสาทอะซิติลโคลีน(acetylcholine) เพื่อยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทไปสู่บริเวณปลายประสาท
ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ทำให้รอยเหี่ยวย่น หรือริ้วรอยที่มีเลือนหายไป สารโบท็อกซ์จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในแง่ของความงาม อาทิเช่น
ประโยชน์ของสารโบท็อกซ์ในแง่ของด้านความงาม
โบท็อกซ์ ไม่ได้ออกฤทธิ์ถาวร
โดยกลไกการออกฤทธิ์ของสารโบท็อกซ์นั้น จะใช้เวลาในการเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 24-48 ชั่วโมง หลังจากที่ฉีดไป และเห็นผลสูงสุดภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กรามเนื้อกราม หรือกล้ามเนื้อน่อง จะใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานกว่า โดยประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากที่ฉีดไป และจะคงอยู่โดยประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย จีงเป็นเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องมีการฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุก 4-6 เดือน
การเก็บรักษาโบท็อกซ์
การเก็บรักษา รวมถึงการผสมโบท็อกซ์ในการทำการรักษาแต่ละครั้ง มีความสำคัญมาก เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลการรักษา โดยปกติ ควรเก็บในอุณหภูมิ 0 ถึง −5° หรือ 2° ถึง 8° โดยต้องบรรจุอยู่ในขวดสูญญากาศ ขั้นตอนการผสมยาก่อนการฉีดก็ต้องเป็นไปอย่างถูกต้องและถูกสัดส่วน
ภาวะดื้อโบท็อกซ์คืออะไร
แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากฉีดโบท็อกซ์ได้แแค่ไม่กี่ปี เพราะทุกคนคงอยากใช้โบท็อกซ์เพื่อช่วยคงความอ่อนเยาว์ไปอีกนานแสนนาน โดยเมื่อเกิดการดื้อโบท็อกซ์ขึ้นแล้ว จะไม่สามารถตอบสนองต่อการรักษาด้วยโบท็อกซ์ได้ หรืออาจต้องใช้ปริมาณยูนิตที่มากขึ้นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบเดิม ซึ่งหมอก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากเกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์แน่นอน เพราะนอกจากจะส่งผลในแง่ของด้านความสวยงามและความมั่นใจแล้ว อนาคตหากเจ็บป่วยด้วยโรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยสารโบท็อกซ์ ก็จะเป็นการสูญเสียโอกาสในการรักษาตรงนั้นไป ดังนั้นหมอมีวิธีที่จะช่วยป้องกันการดื้อโบท็อกซ์ได้ ด้วย 3 วิธีดังต่อไปนี้
วิธีสังเกตุโบท็อกซ์แท้
วิธีตรวจเช็คโบท็อกซ์แท้ง่ายๆ ทั้งโบท็อกซ์เกาหลี และโบท็อกซ์อเมริกาเช่น มีวันเดือนปีที่ผลิต หมดอายุ ระบุที่ฉลากข้างกล่อง และขวดโบท็อกซ์ที่ตรงกัน มีเลขที่ อย.เป็นภาษาไทยชัดเจนที่ข้างกล่อง รวมถึงเลขทะเบียนกำกับ ว่านำยาเข้าจากบริษัทใด
นอกจากนี้ ยังมีสติกเกอร์ฮาโลแกรมระบุที่ข้างกล่องและขวด ขวดต้องบรรจุแบบสูญญากาศ มีฝาปิดพลาสติกปิดทับอยู่ด้านบนขวด มีฉลากภาษาไทยระบุรายละเอียดของยาพร้อมอ่านบรรจุในกล่อง บริเวณก้นขวดจะเห็นแทบขาวจางๆ ซึ่งเป็นผงของโบท็อกซ์ เป็นต้น ซึ่งสุดท้ายแล้วคนไข้สามารถโทรสอบถามไปยังบริษัทได้เลยว่าสถานพยาบาลนี้ได้สั่งยาตรงจากบริษัทยาหรือไม่
ข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์
ในปัจจุบันนี้ แม้ว่าการฉีดสารโบท็อกซ์ในด้านความสวยงามจะมีอยู่อย่างแพร่หลายทั่วไป และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา และการขึ้นทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ว่ามีความปลอดภัย แต่เราก็มีความจำเป็นจะต้องฉีดในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน รวมถึงต้องใช้โบท็อกซ์แท้ ไม่ใช้โบท็อกซ์หิ้ว หรือโบท็อกซ์ปลอม และทำการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือ ทำให้อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ และเกิดผลข้างเคียงต่างๆ เช่น ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว เปลือกตาตก คิ้วตก เสียงแหบ กลืนลำบาก หน้าตอบ น้อยที่สุด จะต้องเป็นแพทย์ที่ชำนาญ เพราะจะต้องเข้าใจถึงโครงสร้างกายวิภาคของกล้ามเนื้อบนใบหน้าแต่ละมัดเป็นอย่างดี
รวมถึงเทคนิคการฉีดรักษาต้องถูกต้องในกล้ามเนื้อแต่ละมัดบริเวณนั้นๆจริง เพื่อที่จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพราะเมื่อเกิดผลข้างเคียง หรือผลลัพธ์อันไม่เป็นที่พอใจจากการฉีดโบท็อกซ์แล้วนั้น ผลการรักษาจะไม่สามารถแก้หรือกลับมาเป็นปกติได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วภายในสัปดาห์ได้
ข้อมูล : พญ. วริยา เหล่าถาวร (หมอแอน) แพทย์เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม
ติดต่อสอบถาม 06-4946-2397